Web page

Wednesday, August 3, 2011

15 เรื่องที่ทุกคนควรดุ

                 ภาพยนตร์บนโลกใบนี้มีอยู่มากมาย ต่อให้ใช้เวลากันเป็นปีเพื่อมานั่งดู ก็เชื่อว่าดูกันไม่ครบอย่างแน่นอน แต่จะมีสักกี่เรื่องกัน ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับคุณได้อย่างชนิดที่ว่า ดูอีกกี่ร้อยรอบก็ไม่มีวันเบื่อ และด้วยเหตุนี้เองทางเว็บไซต์ Mensvanity.com จึงได้รวบรวมเอา 15 ภาพยนตร์คุณภาพ ที่มีความยอดเยี่ยมทั้งในเรื่องของผู้กำกับ นักแสดง การผูกเรื่อง และอื่น ๆ อีกสารพัด ที่หากคุณมีโอกาสเมื่อไหร่ ต้องหามาชมให้ได้ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าทั้ง 15 เรื่องนั้นจะมีเรื่องใดบ้าง และจะโดนใจคุณมากน้อยขนาดไหน ตามมาดูกันเลย...




















1. Gone With the Wind          ชื่อของ สคาร์เล็ทท์ โอ ฮารา และ เร็ทท์ บัทเลอร์ รวมทั้งบทบาทที่ประทับใจของ วิเวียน ลีห์ กับ คลาร์ค เกเปิล เหล่านักแสดงยุคบุกเบิกของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด ถือเป็นที่จดจำกับผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายขายดีของ มาร์กาเร็ท มิทเชลล์ (Margaret Mitchell) กับเรื่องราวของสาวน้อยธิดาเจ้าของไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในรัฐจอร์เจีย ผู้มีชีวิตแสนสุขสบายมีผู้ชายหลงใหลในความงามของเธออย่างมากมาย แต่แล้วชีวิตของเธอต้องพลิกผันไปอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้น ทำให้ชีวิตเธอต้องเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย



2. It’s a Wonderful Life          เป็นภาพยนตร์แนวชีวิตอีกเรื่องหนึ่งที่ชาวอเมริกันชื่นชอบและตราตรึงประทับใจอย่างมาก เป็นผลงานการกำกับของยอดผู้กำกับฝีมือดีผู้ล่วงลับ แฟรงค์ กาปร้า (Frank Capra) พร้อมด้วยนักแสดงนำอย่าง เจมส์ สจ๊วต (James Stewart) และ ดอนน่า รีด (Donna Reed) กับเรื่องราวของชายจิตใจดีงามคนหนึ่งที่รู้สึกแปลกแยกกับชีวิตและการทำงาน ถึงขั้นที่คิดจะฆ่าตัวตาย แต่แล้ววันหนึ่งสวรรค์ได้ส่งเทวดามาช่วยให้เขาได้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับตอนจบที่ถือว่า "ต้นร้ายปลายดี"



3. Schindler’s List          สตีเว่น สปีลเบิร์กสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นำกองทัพนาซีบุกยึดประเทศต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะกวาดล้างชาวยิวอย่างโหดเหี้ยม ทารุณ โดยกล่าวถึง ออสการ์ ชินด์เลอร์ (Oskar Schindler) อดีตพ่อค้าผู้ช่วยเหลือชีวิตชาวยิวมากมายให้รอดพ้นจากการกวาดล้างของกองทัพนาซี ด้วยเงินจำนวนมากที่เขามีจากการที่เคยเป็นพ่อค้ามาก่อน กับลิสต์รายชื่อของชาวยิวที่เขาสามารถช่วยเหลือได้กว่า 1,100 คน จนเป็นที่มาของชื่อเรื่อง "Schindler’s List" นั่นเอง




4. The Godfather          ภาพยนตร์เรื่อง The Godfather มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของโลก ทั้งนักแสดง กลวิธีการดำเนินเรื่อง การหักมุมต่าง ๆ มากมาย และองค์ประกอบอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ครองใจผู้ชมหลายต่อหลายคนได้เป็นอย่างดี ด้วยเรื่องราวของ ดอน วีโต้ คอร์ลิโอเน่ (Don Vito Corleone) หัวหน้าของตระกูลคอร์ลิโอเน่ผู้ทรงอิทธิพลและเรืองอำนาจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากธุรกิจที่ผิดกฎหมายมากมาย แถมยังมีการหักหลัง และล้างแค้น โดยมีเรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจและมิตรภาพมาเกี่ยวข้องอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้



5. The Godfather Part II  เป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่ดีที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ภาคต่อทุกเรื่อง นับตั้งแต่ที่มีการสร้างกันมา สามารถพิสูจน์ได้จากการคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปี 1974 มาครอง รวมถึงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต เดอ นีโร อีกด้วย



6. Fight Club          "ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณครอบงำอยู่ ท้ายที่สุดแล้วมันจะครอบงำคุณเสียเอง แต่หากคุณสูญสิ้นทุกสิ่งเมื่อใด คุณก็จะกล้าทำทุก ๆ อย่างโดยไร้ความกังวลตลอดไป" นี่คือคำพูดของไทเลอร์ ตัวละครเอกของเรื่องที่พูดเอาไว้ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นถึง อิสรภาพของคน และกลายเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดคลับเฉพาะสำหรับการต่อสู้ตามชื่อเรื่องขึ้นมา




7. Pulp Fiction          ผลงานอมตะสุดยิ่งใหญ่ของ เควนติน ทาเรนติโน่ (Quentin Tarantino) ที่รวมซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังอย่าง จอห์น ทราโวลต้า (John Travolta) ซามูเอล แอล.แจ็คสัน (Samuel L. Jackson) บรู๊ซ วิลลิส (Bruce Willis) และ อูม่า เธอร์แมน (Uma Thurman) ร่วมกันประชันบทบาทชนิดที่ว่าเชือดเฉือน ชวนให้ติดตามอย่างยิ่ง แถมยังการันตีด้วยรางวัลสาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์อีกด้วย



8. The Notebook          เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวจากสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ซึ่งบันทึกเรื่องราวในยุค 40 กับความรักที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 1947 ของชายหนุ่มชนบทฐานะยากจน และ ลูกสาวเศรษฐีจากในเมือง ซึ่งมาเที่ยวพักผ่อนในชนบท แม้ว่าทั้งสองจะต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งเรื่องของฐานะ การศึกษา นิสัยใจคอ แต่ทั้งสองก็มีใจให้กัน จนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ใกล้จะจบสิ้นลง ทั้งคู่ก็ถูกพรากจากกันโดยครอบครัวของฝ่ายหญิง แถมฝ่ายชายยังไปเป็นทหารร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอีกด้วย โดยระหว่างนั้นฝ่ายชายเขียนจดหมายหาฝ่ายหญิงอยู่ตลอดเวลา แต่ก็โดนกีดกันจากทางบ้านของฝ่ายหญิง จนก่อให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ตามอีกมากมาย ก่อนจะร่วมกันสาบานว่าจะอยู่ร่วมกันตลอดไปเอาไว้ให้ได้



9. The Matrix          ภาพยนตร์แนว Action Sci-Fi เจ้าของ 4 รางวัลออสการ์ปี 2002 กับเรื่องราวของชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ได้พบกับบุรุษลึกลับที่พูดกับตัวเขาว่า เขาเป็นคนเดียวที่ช่วยปกป้องโลกจากสงครามจักรวาล ซึ่งเป็นผลมาจากมันสมองของมนุษย์ที่ย้อนกลับมาทำลายเสียเอง และจากนั้นมาทำให้ชายหนุ่มธรรมดา ๆ กลับกลายเป็นนักรบไซเบอร์หรือที่เรียกกันว่า "นีโอ" และเป็นความหวังสุดท้ายที่โลกทั้งโลกฝากฝังเอาไว้




10. La Dolce Vita          ภาพยนตร์สัญชาติอิตาลีที่กำกับและเขียนบทโดย เฟเดอริโก เฟลลินี (Federico Fellini) ถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำกับเรื่องราวของนักหนังสือพิมพ์หนุ่มเจ้าสำราญที่ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์อยู่ในกรุงโรม วุ่นวายไปการทำงานและใช้ชีวิตพัวพันไปกับสาวสวยหลายคน เพื่อค้นหาความรักและความสุขในชีวิต ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 1960 รางวัลการออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม (ภาพยนตร์ขาวดำ) และได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 6 จาก 100 อันดับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยนิตยสาร Entertainment Weekly



11. The Hours          ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายของ ไมเคิล คันนิ่งแฮม (Michael Cunningham) ใช้ตัวละครอย่าง Mrs. Dalloway ตัวละครในนิยายสุดคลาสสิคของ เวอร์จิเนีย วูล์ฟ (Virginia Woolf) เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว ที่เชื่อมต่อช่วงเวลา 3 ยุคสมัย ใน 3 แห่งที่ที่แตกต่างกัน ในวันวันหนึ่ง โดยบอกเล่าภาพชีวิตของผู้หญิง 3 คน ที่มีความหดหู่ ความปวดร้าว และไขว่คว้าค้นหาความรัก



12. Star Wars          มหากาพย์สงครามอวกาศชื่อก้องโลก ที่สร้างตัวละครต่าง ๆ ให้เป็นที่ประทับใจกับผู้คนทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Anakin Skywalker) โอบีวัน เคโนบี (Obi-Wan Kenobi) และตัวละครอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงการดำเนินเรื่องที่มีการตั้งชื่อภาคที่สลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย แต่ก็เรียกจำนวนคนดูจากทั่วทั้งโลกได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงเป็น 1 ใน 15 เรื่องที่สมควรจะหามาชมอย่างยิ่ง




13. Groundhog Day          เป็นเรื่องราวสุดเพี้ยนของนักพยากรณ์อากาศคนหนึ่งที่มีความเบื่อหน่ายกับชีวิตของตัวเอง แถมยังต้องมาพบว่าตัวเองติดอยู่ในวันฉลองเทศกาลวันกราวด์ฮ็อก (Groundhog Day) ที่ไม่ว่าจะตื่นมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ยังคงเป็นวันเดิม ช่วงเวลาเดิม ผู้คนมากมายที่พบเจอก็เป็นคน ๆ เดิม แถมยังมีเหตุการณ์ที่เหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมาอีกต่างหาก และเรื่องคาใจกับการแอบปิ๊งนางเอก ซึ่งนี่เองเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถหลุดพ้นจากวังวันของ Groundhog Day ไปได้ในที่สุด



14. Casablanca          เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในคาซาบลังกา (Casablanca) เมืองท่าทางตอนเหนือของโมร็อกโก ดินแดนในอาณัติของฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกองทัพนาซีของเยอรมันกับกลุ่มแนวร่วมการปลดปล่อยฝรั่งเศส และผู้ที่ต้องการอพยพหนีภัยสงครามไปยังสหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์กล่าวถึงความขัดแย้ง และการตัดสินใจของชายคนหนึ่งที่ต้องเลือกระหว่างความรักที่มีต่อหญิงคนหนึ่งกับภาระหน้าที่ทางทหารในการต่อสู้กับกองทัพนาซี



15. Forrest Gump          ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายเรื่อง "Forrest Gump" ที่แต่งโดย วินส์ตัน กรูม ได้รับการจัดอันดับเป็นภาพยนตร์อเมริกันที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน จากอลาบาม่า ที่มีนิสัยน่ารักและมีจิตใจดี ในภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน เหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ของอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1950 - 1970 จากคนร่างกายพิการไปเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล เป็นทหารในสงครามเวียดนาม

No comments:

Post a Comment